Dodge พามารู้จัก ตำนานรถยนต์ ขวัญใจขาซิ่ง สายอเมริกัน

Dodge หากจะพูดถึง รถยนต์ค่ายดัง ค่ายต่างๆนั้น หลายๆคน ก็คงคิดถึง รถยนต์ค่าย honda toyota กันเป็นหลัก เพราะในประเทศไทยนั้น ถือได้ว่าเป็น รุ่นที่ได้รับ ความนิยม ในวันนี้นั้น เราจะมาพูดถึง รถยนต์สายอเมริกากัน โดยย้อนไปเมื่อปี 1964 นั้นถือได้ว่า เกิดเหตุการณ์ สำคัญสำคัญที่เกิดขึ้น ในโลกตะวันตกนั้น ก็คือการเปิดตัว ford mustang ออกมาและเรียกได้ว่า เป็นการพลิกโฉม รถยนต์อเมริกา ไปอย่างแท้จริง ซึ่งหลายๆคน ก็รู้จักรถยนต์อเมริกา กันมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญนั้น ford mustang นั้นเป็น รถสปอร์ต

ที่เรียกได้ว่า มีราคาจับต้องได้ง่าย และที่สำคัญ มีการผลิตขึ้นมา เป็นจำนวนมาก ในช่วงตลาดครั้งนั้น โดยเกิดการพูดถึง กับค่ายรถยนต์ คู่แข่งมากมาย ว่าถ้าหากต้องการ ดึงตลาดรถยนต์ อเมริกากลับคืนมา จะดึงยอดขายมาจาก ford mustang ได้อย่างไรได้บ้างซึ่ง ford mustang ในยุคนั้น ถือได้ว่าเป็น

รถยนต์ที่ขายดี เป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้น ของรถยนต์ที่มีชื่อว่า dodge charger ซึ่งถือได้ว่าเป็น ตำนานของค่ายDodge และเครือ Chryler เลยทีเดียว ซึ่งในเวลาต่อมานั้น ก็ได้มีการพูดถึงรถยนต์ ที่จะต้องขายดีกว่า ford mustang และเกิดในโลก กับช่วงทุนนิยม โดยต้องมีแนวความคิดว่า

ไม่มีทาง ที่จะมีแบรนด์ใด คลองตลาดได้ตลอดกาล เพราะถ้าทำออกมาดี ก็จะต้องมีคู่แข่ง ที่ทำออกมาได้ดียิ่งกว่า หรือมีการแข่งขัน ในตลาดนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อฟอร์ดได้เปิดตัว mustang ออกมาแล้ว ค่อยจะได้เห็นมีคู่แข่ง ที่เรียกว่าไม่นิ่งเฉย กับเหตุการณ์และ ผลิตรถยนต์ออกมา ที่มีคุณภาพที่ดีอีกด้วย

โดยรุ่นแรกของ ดอสชาร์จเจอร์ นั่นก็คือ Dodge charger concept ที่เรียกว่าเป็น รถยนต์ดอดจ์โพล่า มีการตัดหลังคา ออกไปเพื่อที่จะ ทำให้รถยนต์นั้น ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมกับการ ใส่เครื่องยนต์ v8 ขนาด 6.2 ลิตรไปด้วยจึงมีการสร้าง concept ของรถชาร์จเจอร์ คันนี้เอาไว้นั่นเอง

Dodge กับเหตุการณ์ในปี 1965

โดยในปีนั้น ได้มีการเปิดตัวรถ concept เพื่อเรียกความสนใจ กับลูกค้าไปเรียบร้อยแล้ว ก็ได้มีการพัฒนารถ ที่จะออกมาแข่งกับ มัสแตงออกมา เรื่อยๆซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า จะต้องมีรถที่มี คุณภาพและดียิ่งขึ้น เรื่อยๆในแต่ละปีจนกระทั่งปี 1965 นั้น ก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ นั่นก็คือ Dodge gt charger นั่นเองนับเป็นชัตเตอ ร์แบบผลิตออกมาขายจริง

เป็นคันแรก โดยมีการวางเครื่องยนต์ขนาด v8 4.5 ลิตรซึ่งมีแรงม้าสูงถึง 235 แรงม้าโดยมีขนาด ให้เลือกเพียงขนาดเดียว และมีสีเพียงสีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ สีครีมโดยรถยนต์รุ่นนี้นั้น มีการผลิตจำกัด อยู่เพียงแค่ 150 คันโดยเชื่อเหลือเกินว่า ในช่วงนั้นตลาดของ ดอจยังหาแนวทาง ของตนเองไม่ได้

จึงอาจจะค่อยๆ วางขายรถยนต์ไป ทีละภาคส่วนนั่นเอง และดูอาศัยความต้องการ ของลูกค้า โดยในช่วงแรกนั้นdodge charger มีผลิตgen 1 อยู่ในช่วงปีคริสตศักราช 1966 ถึง 1967 เพียงเท่านั้น และก็มีผลิตมาเป็นจำนวนไม่มาก ซึ่งช่วงแรกๆนั้น ก็เรียกว่ายังไม่ได้ ทำการตลาดแบบจริงจังสักเท่าไหร่

รถยนต์Dodge กับความไม่เชื่อมั่น ของตลาดดีลเลอร์รถยนต์ ในยุคก่อน

Dodge

โดยผลิตรถยนต์มาเป็นจำนวนน้อย และไม่ได้ทำตลาด การแข่งขันรถยนต์สปอร์ต ซักเท่าไหร่จึงทำให้ dealer ของผู้ที่ขายรถยนต์ หลายๆเจ้านั้น เกิดความเครียด และเริ่มไม่พอใจ ว่าทำไมถึงค่ายรถยนต์นั้น ไม่ยอมทำรถที่มาแข่งกับ mustang จริงๆสักที และไม่ทำรถสปอร์ต ให้พวกเขาขายสักที จึงมีความไม่เชื่อมั่น ของให้รถยนต์

ผู้ขายสักเท่าไหร่ โดยในช่วงนั้น ก็เรียกได้ว่า ต้องเร่งทำอะไร สักอย่างหนึ่ง เพื่อที่จะเกิดความเชื่อมั่น ให้แก่เครือข่ายรถยนต์ ของเขารวมไปถึง ดีลเลอร์ทั่วอเมริกา ที่ถ้าหากพวกเขานั้น ทำให้ผิดหวัง หรือไม่เชื่อมั่นในแบรนด์อีกต่อไป ก็จะมีการหันไป ขายแบรนด์อื่นทันที เสียก่อนโดยพวกเขานั้น จึงเร่งและตัดสินใจ เร่งพัฒนา

รถยนต์รุ่นใหม่ ด้วยการนำพื้นฐานของรถ dodge coronet ออกมาเพื่อที่ จะเปลี่ยนแบบเส้นสาย บริเวณหลังคา และไฟท้ายใหม่ เพื่อที่จะทำให้รถยนต์ ใครตัวเองนั้น มีความสปอร์ตและมี ขนาดที่ใหญ่ขึ้นมา ด้วยการนำพื้นฐานมาเปลี่ยนนั่นเอง โดยบริเวณหลังคา และไฟท้ายนั้น เรียกว่าดูโฉบเฉี่ยว รวมไปถึงดูสปอร์ต มากยิ่งขึ้น

โดยมีการยัดเครื่องยนต์ v8 ขนาด 70 ลิตรที่มีความแรงสูงถึง 425 HP ใส่เอามาเพื่อที่จะเอาใจ สายซิ่งเลยทีเดียวและ option นั้นถือได้ว่าในยุคอดีต เรียกว่าจัดเต็ม option สุดว้าวให้กับรถคันนี้ ซึ่งในอดีตนั้น นั่นก็คือไฟหน้ารถแบบหมุนเปิดปิด บนกระจังหน้า

ซึ่งถือได้ว่าทันสมัย อย่างมากในช่วงยุคปี 1966 นั้นเอง และรถยนต์คันนี้ ที่ได้พัฒนาและออกแบบ มาก็ได้มีการตั้งชื่อว่า ดอดจ์ชาร์จเจอร์ นั่นเอง

รถสปอร์ตอเมริกันDodge เริ่มมีชื่อเสียงในตลาด และเริ่มมีผู้คนรู้จักในช่วงปี 1966

โดยทันทีที่ เริ่มมีการผลิตรถยนต์ ออกมาขาย และได้มีการสร้างภาพลักษณ์ ให้กับแบรนด์ของตนเอง คนที่หลังพวงมาลัยของ dodge charger นั้นในยุคอดีต ก็จะรู้สึกว่าเป็น บุคคลที่มีความเฟี้ยวฟ้าว หรือมีความเจ๋งเก่งเท่อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้ดอสชาร์จเจอร์ จะประสบความสำเร็จ ในระดับหนึ่ง

ที่เกินคาด โดยมียอดขาย 37,000 แต่อย่างไรก็ดี เป้าหมายการดึงยอด ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ สักเท่าไหร่ เพราะยอดขายรถยนต์ เพียงแค่ 3700 ถือได้ว่า ไม่ดีพอสำหรับ การดึงยอดขายมาจาก ford mustang และก็ยังไม่ประสบความสำเร็จโดย ford นั้นทำยอดขายของ mustang ไปได้มากกว่า 1 ล้านคันทั่วโลก

มากกว่าการเกือบ 30 เท่า ในช่วงขณะนั้น จึงทำให้ค่ายรถยนต์นั้น จะต้องมีการผลิตรุ่น generation ที่ 2 เปิดตัวออกมาวางขาย และก็เริ่มเป็นจุดเริ่มต้น ของความรุ่งเรือง ความสําเร็จของ Dodge นั่นเอง

Dodge

รถสปอร์ตDodge ใน generation ที่ 2 ช่วงปีคริสต์ศักราช 1968 ถึง 1971

โดยdodge charger generation ที่ 2 นั้นถูกปรับดีไซน์ โดยการนำหลักของ coke bottle styling ซึ่งเป็นสไตล์ ที่นิยมของรถซิ่งในยุคนั้น เข้ามาใช้งาน ที่จะมีความสวยงาม และความโดดเด่น ของรถยนต์ โดยรถมีการปรับดีไซน์ กระจังหน้าใหม่เรียกว่า all new

ไฟท้ายแบบภาพยาว แบบใหม่แต่ยังคง เอกลักษณ์ของความ เป็นไฟหน้า แบบหมุนเปิดปิด เอาไว้และผลนั้น ก็คือทำให้ generation นี้ถูกยกเป็นรุ่น ที่มีความสวยงาม และมีเสน่ห์ที่สุด แม้จะเราจะมองไป ในอดีตก็ยังรู้สึกว่า มีมนต์ขลังและมีเสน่ห์ รวมถึงกลายเป็นภาพ จำถ้าหากพูดถึงdodge charger

ก็จะนึกถึง generation ที่ 2 กันนั่นเอง โดยยอดขายนั้น ก็เรียกได้ว่าภายใน 1 ปี สามารถทำยอดขาย ได้มากกว่า 1 แสนคัน เรียกได้ว่าทำยอดขาย ได้สูงกว่าเดิมถึง 3 เท่าตัวเลยทีเดียว โดยค่ายรถยนต์นั้น ก็เรียกว่าเริ่มมีความมั่นใจ และมีความเป็นเอกลักษณ์ ของแบรนด์ด้วยเกร็ดความรู้ เล็กๆน้อยๆ

ของdodge charger ใน generation ที่ 2 นี้นั้นได้ถูกนำไปเป็นรถยนต์คู่ใจ ของโดมินิคโทเร็ตโต้ ในภาพยนตร์แฟรนไชส์ อย่างเรื่อง fast and furious อีกด้วย

เทคโนโลยีอัพเดท

เกม pc ฟรี

ที่เที่ยวทะเลสวย

Pontiac GTO