เล่นรถอเมริกัน รถนําเข้า รถยนต์สุดล้ำ

เล่นรถอเมริกัน คำว่ารถอเมริกัน รถอเมริกา อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่รู้สึก คุ้นเคยกับรถยนต์สัญชาตินี้ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วนั้น อาจจะไปคุ้นเคยกับเหล่ารถยนต์ จากสัญชาติยุโรปที่มักมี รถสปอร์ตเทคโนโลยีสุดล้ำ รูปทรงเพียวลมอันสวยงาม ให้ได้เป็นที่คุ้นหูคุ้นตา อวดโฉมความเท่กันหลากหลายรุ่น หรือแม้แต่ประเทศอย่างญี่ปุ่น

ที่ก็มีความสามารถด้ายรถยนต์ ตั้งรถสปอร์ตยันรถบ้าน สูงไม่แพ้กันในเรื่องของชื่อเสียง แต่กับรถยนต์สัญชาติอเมริกา หรือที่จะมีคำเรียกกันว่า รถอเมริกันมัสเซิล อาจจะไม่ค่อยจะรู้รายละเอียด เล่นรถอเมริกัน ถึงอีกหนึ่งรถยนต์สัญชาตินี้ ที่จริงๆแล้วมีความสุดยอดอย่างมาก ในยุคบุกเบิกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้กาลเวลาจะผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

แต่ความคลาสสิกของ รถอเมริกันมัสเซิล ที่เราจะเห็นกันตามหนังฝรั่ง หนังฮอลลีวูด ก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีรถยนต์สัญชาติใด มาลอกเลียนแบบไปได้จริงๆ หลายๆคนยังคงถกเถียงกันด้วยซ้ำว่า Muscle Carคือ ความหมายของมันจริงๆมาจากไหน เริ่มเรียกชื่อนี้เพราะเหตุใด หลายๆฝ่ายก็มีการเชื่อมโยงคำนี้

หลังจากยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อเมริกาชนะสงคราม และได้เข้าไปฟื้นฟูเหล่าประเทศที่แพ้สงคราม ทำให้เศรษฐกิจของชาติอเมริกานั้นเติบโตมาก นั่นจึงทำให้เกิดความนิยม ในรถยนต์ของอเมริกา รถอเมริกา ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ใช้ชื่อ รถอเมริกันมัสเซิล ก็เพราะว่าเป็นรถประเภทที่ มีแรงบิดมากกว่าแรงม้านั่นเอง รถอเมริกันมัสเซิล Muscle Carคือ รถอเมริกา

ภาษาอังกฤษคำว่า Muscle จะแปลว่ากล้ามเนื้อนั่นเอง และนี่คืออีกเหตุผลนึง ที่คนมักเข้าใจผิดว่ากลุ่มคนที่หลงใหลใน รถคลาสสิค สัญชาติอเมริกานั้นชื่นชอบแต่เพียง ความสวยงามจากภาพลักษณ์เท่านั้น แต่โดยแท้จริงแล้วรถเหล่านี้ มีความแรงที่เป็นสุดยอดเช่นกัน สองเหตุผลรวมกันต่างหาก ที่ทำให้รถอเมริกันนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก

เล่นรถอเมริกัน ซื้อรถยนต์ รถหรูแบรนด์ดัง 

มันถือเป็นรถต้นแบบของ ซูเปอร์คาร์ สมัยปัจจุบัน ความเป็นไปได้มากที่สุดของชื่อนี้ Muscle Carคือ น่าจะมาจากการที่ รถประเภทนี้มีจุดเด่นคือพละกำลัง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคัน ที่จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม รถอเมริกันมัสเซิล เสมอไปโดยเกณฑ์การพิจารณา รถมัสเซิลคาร์ ในขณะนั้นมีดังต่อไปนี้

  1. รถอเมริกา ขับเคลื่อนล้อหลัง
  2. ผลิตในอเมริกาในช่วงปี 1960s หรือช่วงต้นของปี 1970s
  3. ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 เท่านั้น ที่แรงที่สุดของแต่ละค่าย
  4. ราคาต้องจับต้องได้ ให้คนทุกชนชั้นมีสิทธิจะครอบครอง รถยนต์ประเภทนี้ได้
  5. เป็นรถสองประตูขนาดเล็กถึงใหญ่ ที่มีน้ำหนักตัวถังเบา
  6. สำคัญที่สุดคือ ต้องออกแบบมาสำหรับการ แข่งขันประเภทแดร็ก หรือการแข่งขันแบบทางตรง 402 เมตร ขณะเดียวกันก็สามารถ นำมาวิ่งบนท้องถนนได้อย่างถูกกฎหมาย

รถยนต์เหล่านี้ เข้าสู่ยุครุ่งเรืองระหว่างปี 1960s-1970s ที่ทั้งความนิยมของรถประเภทนี้ และความฮิตของการแข่งแดร็ก ในอเมริกามาแรงสุดๆ แต่พอมาถึงต้นยุค 1970s รถมัสเซิลคาร์ ก็เจอกับอุปสรรคและวิกฤตครั้งสำคัญ นั่นก็คือการที่ประเทศอเมริกา ได้ออกกฏหมายควบคุมมลภาวะ ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ได้รับผลกระทบโดยตรง

และแน่นอนว่า รถมัสเซิลคาร์ ตัวแรงทั้งหลาย ย่อมไม่ผ่านมาตรฐานค่าไอเสีย ที่ทางการกำหนดไว้ ทางค่ายรถจึงต้องลดกำลังเครื่องยนต์ลง เพื่อให้มีปริมาณการปล่อยไอเสีย อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด แถมในช่วงเวลานั้น

ยังเกิดวิกฤติน้ำมันแพงในสหรัฐฯ เข้าไปอีกทำให้ทั้งแฟนๆ และผู้ที่สนใจมัสเซิลคาร์ เล่นรถอเมริกัน จึงเริ่มถอดใจไม่อยากเล่นต่อ หลายค่ายก็เลยเลิกผลิตไปตามๆกัน ส่วนแบรนด์ที่เก่งมัสเซิลคาร์ก็เริ่มเน้น เรื่องความสะดวกสบาย และความสวยงามแทน ซึ่งเมื่อเราจะย้อนกลับไปดู จะต้องดูให้ถูกที่และถูกเวลา ซึ่งวันนี้เราจะพาย้อนกลับไปดู ตำนานของสุดยอด

รถอเมริกันมัสเซิล

เล่นรถอเมริกัน ร้านอะไหล่แต่งรถยนต์ รถยนต์สมัยใหม่ 

รถอเมริกันที่มีแรงม้าสูงๆ แถมยังมีภาพลักษณ์ที่ดุดัน มาเริ่มกันที่ตัวแรกกันเลยดีกว่า Plymouth Prowler ถือเป็นต้นแบบที่เปิดตัวออกมาในปี 1993 และได้ถูกผลิตออกมาขาย ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ระหว่างปี 1997-2002 และมียอดขายมากกว่าหมื่นคันตลอดช่วงปีนั้น แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ อเมริกันมัสเซิลคาร์ และขายได้ไม่เยอะ เมื่อเทียบกับรถสปอร์ตทั่วไป

แต่ Prowler ก็ถือเป็น รถสปอร์ตอเมริกัน รุ่นแรกที่กล้าจะนำเสนอความโดดเด่น ในงานออกแบบ และผสมผสานรากเหง้า ของการซิ่งในสไตล์ HotRod มาสู่การใช้งานบนถนน เรียกได้ว่ารุ่นนี้ถือเป็น หนึ่งในรุ่นนักสะสมกันเลยทีเดียว กับดีไซน์สุดล้ำของมันที่ยังคง สวยงามแม้จะผ่านกาลเวลาไปนานเท่าใด มาต่อกันที่รุ่นต่อไป

เป็นรถยนต์ขนาดกลางที่ผลิตโดยเชฟโรเลต บริษัทผลิตรถยนต์สุดคลาสสิค มีด้วยกันทั้งหมดสามรุ่นสำหรับปี 1964 ถึงปี 1977 โดยเจ้ารุ่น Chevelle เป็นหนึ่งในชื่อที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดของเชฟโรเลตเลยก็ว่าได้ รถอเมริกันมัสเซิล โดยมีรุ่น Super Sport ผลิตขึ้นในปี 1973 และ Lagunas ตั้งแต่ปี 1973 ถึง 1976 หลังจากผ่านไป 4 ปี เจ้่า El Camino

Muscle Carคือ

รถยนต์ระดับโลก ความคลาสสิคของ Dodge Charger ที่ตราตรึงนักขับทั่วโลก

ได้กลายเป็นรุ่นใหม่ของ Chevelle ในปี 1964 รุ่นที่น่าสนใจสุดและแรงสุด จะลงท้ายด้วย SS ซึ่งย่อมาจาก Super Sportนั่นเอง โดยได้เปิดตัววางจำหน่ายในราคา 1,501 เหรียญสหรัฐ โดยแบ่งออกเป็นสามรุ่น โดยรุ่นแรกจะมีเครื่อง 325แรงม้า รุ่นที่สอง 360แรงม้า และสุดท้าย 375แรงม้า ราคาอยู่ที่ประมาณ 55,000 เหรียญสหรัฐ

จะเห็นได้ว่าความแรงของทั้งสามรุ่น สุดยอดไม่แพ้กับดีไซน์ของพวกมันแม้แต่น้อย รุ่นต่อไปจะไม่พูดถึง ก็คงจะไม่ได้เพราะเชื่อว่า หลากคนคงคุ้นหูกันมากับ รถอเมริกา Dodge Charger General Lee ของ The Duke of Hazzard คือต้นทางที่ทำให้ Charger เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และต้องยอมรับว่าในรุ่นที่ 1 และ 2 ของ Charger

มาพร้อมกับความคลาสสิค รถคลาสสิค ของงานออกแบบในสไตล์ตัวถัง Fastback และรูปทรงที่อ่อนช้อย ซึ่งถูกเรียกว่า Coke Bottle Shape มาต่อกันที่รุ่นต่อไปอันสุดโด่งดังอย่าง Chevrolet Camaro ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ เป็นคู่แข่งของ Ford Mustang ซึ่งในเวลานั้นเป็น อเมริกันมัสเซิลคาร์ ที่ทำกำไรให้ฟอร์ดได้แบบเป็นกอบเป็นกำ

รถสปอร์ตชั้นนำ Chevrolet Camaro สุดยอดนวัตกรรม 7 เครื่องยนต์ในตำนาน

ด้วยยอดขาย 2 ล้านคันใน 1 ปี เมื่อเจนเนอรัล มอเตอร์สเห็นค่ายคู่แข่งร่วมเมืองฟันกำไร ได้จากรถยนต์สไตล์ Pony Cars พวกเขาก็ไม่รอช้า ที่จะสร้างรถยนต์ของตัวเอง ในสไตล์เดียวกันออกมา สิ่งที่ทำให้ Chevrolet Camaro ได้รับความนิยมแบบถล่มทลาย นั้นเป็นเพราะตัวของมันเป็น Pony Car ที่มาพร้อมงานดีไซน์

อันดุดันซึ่งเปลี่ยนจากแพลตฟอร์มรถเดิม ที่เคยใช้ร่วมกันกับ Pontiac Firebird สู่แพลตฟอร์ม F-Body สไตล์ Coupe ที่สร้างมาเพื่อใช้กับรถยนต์ ขับเคลื่อนล้อหลังโดยเฉพาะ ที่สำคัญคือทางเลือกเครื่องยนต์ อเมริกันมัสเซิลคาร์ ที่มีให้มากกว่า 7 รูปแบบในเจเนอเรชันแรก นี่คือสิ่งที่ทำให้หลายคนตกใจ และสนใจในเวลาเดียวกัน เนื่องจากสามารถเลือกเครื่องยนต์

ได้มากถึง 7 รูปแบบ ไม่เคยมีใครทำมาก่อนแน่นอน เครื่องยนต์ของ Chevrolet Camaro เจนแรกมีให้ตั้งแต่เครื่องยนต์ 230CID ให้กำลัง 140 แรงม้า ก่อนจะระดับความแรงไปที่เครื่อง 250CID พลัง 155 แรงม้า ต่อด้วยเครื่องแบบ Small Block อย่าง 327CID 275แรงม้า, 350CID 295แรงม้า และ 302CID 290 แรงม้า ก่อนจะเพิ่มพลังไปอีกระดับกับเครื่อง 396CID ที่ให้พลังเกือบ 400แรงม้า

อเมริกันมัสเซิลคาร์